#พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ ออกติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัย

วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2563 พาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ พร้อมเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับและพัฒนาเศรษฐกิจการค้า ออกติดตามสถานการณ์การจำหน่ายหน้ากากอนามัย (ป้องกันฝุ่นละออง PM2.5) และหน้ากากแบบธรรมดา (ไม่กันฝุ่น) เพื่อป้องกันมิให้มีการฉวยโอกาสปรับขึ้นราคาสินค้าและเอาเปรียบผู้บริโภค ผลการตรวจสอบพบว่าผู้ประกอบการได้ปฏิบัติตาม พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 โดยผู้ประกอบการมีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้าที่ชัดเจน และยังไม่พบการกักตุนสินค้าภาวะการค้าโดยทั่วไป สินค้ามีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของผู้บริโภค สินค้าเริ่มขาดตลาดเกือบทุกรายการ

เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนตื่นตัวกับข่าวเชื้อไวรัสโคโรน่าที่กำลังระบาดหนักในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ทำให้หน้ากากอนามัย แบบ N95 และชนิดอื่นๆ มียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว โดยนักท่องเที่ยวชาวจีนส่วนใหญ่จะเหมาซื้อเป็นกล่องใหญ่เพื่อส่งไปยังประเทศจีน ส่วนผู้บริโภคชาวไทยเริ่มตื่นตัว และมีความต้องการซื้อหน้ากากอนามัยมากขึ้น ส่งผลให้ร้านค้าส่งรายใหญ่ (ยี่ปั๊ว)/ตัวแทนจำหน่ายในพื้นที่มีสินค้าในสต็อกเพียงเล็กน้อยหรือบางรายไม่มีสินค้าในสต็อก และต้องใช้เวลาในการสั่งนานขึ้น 1 – 2 สัปดาห์ เมื่อเทียบกับสัปดาห์ก่อน สำหรับปริมาณสินค้าที่สั่งซื้อของร้านค้าส่งและค้าปลีกส่วนใหญ่สั่งซื้อสินค้าได้ในปริมาณที่ลดลงประมาณร้อยละ 60 – 70 จึงทำให้ผู้ประกอบการบางรายจำกัดปริมาณการซื้อของผู้บริโภค โดยจำหน่ายส่งจำกัดไม่เกินรายละ 10 กล่อง (กล่องละ 50 ชิ้น) จำหน่ายปลีกไม่เกินรายละ 2-10 ชิ้น เพื่อเป็นการกระจายสินค้าให้ทั่วถึง


ราคาจำหน่ายปลีกหน้ากากอนามัย (ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5) ขณะนี้ มีราคาตั้งแต่ชิ้นละ 25 – 160 บาท ขึ้นกับชนิด คุณภาพ และยี่ห้อ หน้ากากอนามัยแบบธรรมดา (ไม่กันฝุ่น) ราคาชิ้นละ 5 – 8 บาท หน้ากากอนามัยแบบคาร์บอน ราคาชิ้นละ 9 – 20 บาท
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตาม พรบ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 อย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนหรือพบการกระทำผิดจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ภาพ/ข่าว. ปชส. พาณิชย์เชียงใหม่

Related posts