อดีตรองนายกเทศบาลฯประสานตำรวจประกาศล้างมาเฟียตลาดถนนคนเดินริมหาดประจวบฯ
จากกรณีนายสุทธิพร เที่ยงธรรม ปลัดเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ สั่งให้ผู้ประกอบการตั้งเต๊นท์สีชมพูขายสินค้าหน้าศูนย์การท่องเที่ยวเทศบาลรื้อเต็นท์ออกจากผิวการจราจรบนถนนเลียบชายทะเลด้านหน้าสะพานสราญวิถี เนื่องจากทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนในการใช้เส้นทางสัญจรในแหล่งท่องเที่ยว ประกอบกับวันหยุดมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเข้ามาในพื้นที่ สำหรับการวางเต็นท์ในจุดดังกล่าวที่ผ่านมีการร้องเรียนเพื่อให้เทศบาลตรวจสอบกับสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดที่อ้างว่าขอใช้พื้นที่เปิดตลาดคนไทยยิ้มได้ มีภาคเอกชนจัดเก็บรายได้ค่าเช่าเต็นท์สูงกว่าตลอดถนนคนเดินของเทศบาลในบริเวณใกล้เคียง
วันที่ 20 ตุลาคม นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ( อ.พช.) กระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ปัญหาจากการตั้งเต็นท์สีชมพูกีดขวางการจราจร ล่าสุดได้รับการขี้แจงจากนางยุพิน เศรษฐศักดาศิริ พัฒนาการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระบุว่าตลาดเดิมเป็นตลาดถนนคนเดินของเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ปี 2553 ต่อมาเมื่อปี 2560 รัฐบาลมีนโยบายให้ดำเนินงานตลาดประชารัฐ เพื่อจัดหาสถานที่จำหน่ายสินค้าให้แก่ประชาชน สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอได้กำหนดให้เป็นเป็นตลาดประชารัฐ คนไทยยิ้ม โดยแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารตลาดและร่วมกับทางเทศบาล ดำเนินโครงการตลาดประชารัฐ ถนนคนเดิน ริมอ่าวประจวบคีรีขันธ์ เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนที่ไม่มีสถานที่จำหน่ายสินค้า
“ปัจจุบันเต็นท์สีชมพู มีผู้ประกอบการ70 บูธ ประกอบด้วย.สินค้าโอทอป 5 บูธ สินค้าเกษตรปลอดภัย 3 บูธ ผู้ประกอบการตามโครงการตลาดประชารัฐ 62 บูธ การขอใช้พื้นที่สำนักงาน พช.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ขอใช้พื้นที่กับเทศบาลเมืองฯ ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องจากตลาดถนนคนเดิน และสำนักงาน พช.อำเภอเมืองฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารตลาดประชารัฐฯ ไปกำกับดูแลร่วมกับคณะกรรมการบริหารตลาดถนนคนเดินของเทศบาลเมืองฯกรณีรายได้จากการเช่าเต็นท์ ได้สอบถามจากคณะกรรมการบริหารตลาดของเทศบาลและตลาดประชารัฐ จัดเก็บตามข้อตกลงของตลาดบูธละ 160 บาท นำส่งเทศบาล90 บาท อีก 70 บาท คณะกรรมการบริหารตลาดจ่ายเป็นค่ายริหารจัดการเต็นท์ “นายสุทธิพงษ์ กล่าว
นายสรรเสริญ ภัทรจรรยานันท์ อดีตรองนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองประจวบฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ(กต.ตร.) สภ.เมืองประจวบฯ กล่าวว่า จากการติดตามปัญหาการเปิดตลาดคนเดิน ที่เทศบาลเป็นผู้บริหารจัดการ เพื่อให้ผู้ประกอบการมีพื้นที่ค้าขายและส่งเสริมการท่องเที่ยว ตั้งแต่ยุคที่ตนทำหน้าที่ผู้บริหาร พบว่ามีที่ผ่านมากลุ่มมาเฟียแอบแฝงเข้ามาเก็บผลประโยชน์หารายได้นอกระบบกับชาวบ้าน ล่าสุดได้แจ้งในที่ประชุม กต.ตร. ขอให้ ผกก.สภ.เมืองฯ ตรวจสอบการใช้ถนนตั้งเต็นท์สีชมพูด้านหน้าที่ศูนย์การท่องเที่ยวของเทศบาล การตั้งเต็นท์สีน้ำเงินด้านหน้าสำนักงานองค์การบริหารส่วนจังหวัด อบจ. ด้านทิศเหนือของตลาดถนนคนเดิน เนื่องจากบริเวณดังกล่าวอยู่นอกเขตพื้นที่ถนนคนเดินที่ประกาศในราชกิจจาจานุเบกษา ดังนั้นขอให้ตำรวจพิจารณาให้รอบคอบก่อนจะอนุญาตให้ใช้ผิวจราจร และ ที่ผ่านมาหากหน่วยใดต้องการใช้พื้นที่เพิ่มบนถนนขอให้นำเอกสารหลักฐานมาแสดงให้ชัดเจน เพื่อป้องกันการแอบอ้างและขอเตือนว่าอย่าทำเอกสารย้อนหลัง กรณีสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ขอตรวจสอบรายได้จากถนนคนเดิน
“ หลายปีที่ผ่านมาพบว่าการเปิดตลาดมีพิรุธหลายประเด็น เนืองจากเทศบาลเมืองฯทำเอกสารขออนุญาตใช้ผิวการจราจรครอบคลุมพื้นที่ดังกล่าวทั้งด้านทิศเหนือและทิศใต้ เกินจากเขตที่กำหนดไว้ในราชกิจจานุเบกษาอย่างชัดเจน ทั้งที่เคยมีเทศบัญญัติเมื่อปี2541 เขียนกำหนดไว้เพื่อไม่ให้มีการวางขายสินค้าบนถนนกระทบกับการใช้เส้นทางของประชาชน นอกจากนั้นเมื่อตำรวจจราจรอนุญาตให้ใช้พื้นที่ในวันศุกร์และวันเสาร์ แต่เทศบาลยินยอมให้บุคคลอื่นเก็บผลประโยชน์จากค่าเช่าเต็นท์ 160 บาท ขณะที่ถนนคนเดินของเทศบาลเก็บค่าใช้จ่ายเพียงวันละ 60 บาทเท่านั้น
สำหรับเต็นท์สีชมพูในอดีตหลายปีก่อน พช. ได้รับบริจาคเต็นท์สีชมพูจากธนาคารออมสิน ขอร่วมเปิดตลาดเพื่อขายสินค้าโอทอป แต่ช่วงแรกขายไม่ดี จึงมีนายทุนมาสวมรวยเพื่อเปิดตลาดขายสินค้าเหมือนตลาดคนเดิน แต่เทศบาลไม่ทักท้วงและยังเป็นผู้ขออนุญาตให้นายทุนใช้พื้นที่เปิดตลาดตั้งแต่ก่อนปี 2560 แต่ต่อมาเมื่อรัฐบาลมีโครงการตลาดประชารัฐ ข้าราชการระดับสูงบางรายจึงเอาชื่อไปสวมรอยให้นายทุนเก็บค่าเช่าเต็นท์ ทั้งที่ชาวบ้านควรจะขายฟรี แต่จ่ายค่าไฟฟ้า ค่าขยะให้กับเทศบาลมีการบริหารจัดการในลักษณะเดียวกันเหมือนถนนคนเดินบนถนนเส้นเดียวกัน “ นายสรรเสริญ กล่าว
นายสมบูรณ์ เทพประดิษฐ์ สมาชิกสภาเทศบาล( ส.ท.) เมืองประจวบฯ กล่าวว่า สนับสนุนให้ทุกฝ่ายตรวจสอบการเปิดตลาดถนนคนเดินให้เกิดความโปร่งใส เพื่อให้ผู้ประกอบการร้า่นค้าได้รับประโยชน์มากที่สุด ไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเตํนท์ราคาสูง เนื่องจากการกำหนดราคาการจัดล๊อควางขายสินค้า ถูกกำหนดโดยเทศบาล และกลุ่มนายทุนที่แอบแฝงจากโครงการของหน่วยงานรัฐเข้ามาหาผลประโยชน์ก่อนปี 2560 ทำให้มีการจัดเก็บรายได้แตกต่างกัน ที่สำคัญเทศบาลไม่ควรขออนุญาตใช้ถนนสาธารณะเกินจากที่กำหนดไว้ในราชกิจจานุเบกษาและควรนำรายได้จากการเปิดถนนคนเดินนานกว่า 10 ปี ออกมาชี้แจงแนวทางการใช้ประโยชน์
นายนิพล ทองเก่า ผู้สื่อข่าวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 0909944781