กาฬสินธุ์ หดหู่ผัวถือรูปเมียพาลูกสาวตามล่าคนขับ 18 ล้อชนแล้วหนี

กาฬสินธุ์ หดหู่ผัวถือรูปเมียพาลูกสาวตามล่าคนขับ 18 ล้อชนแล้วหนี

 


หดหู่ใจ สามีนางอรุณ ภูแข็ง เหยื่อรถพ่วง 18 ล้อชนแล้วหนี ที่ 4 แยกไฟแดงยางตลาด ถือภาพถ่ายเมียพาลูกเดินถามผู้เห็นเหตุการณ์รถพ่วงชนเมียจนเสียชีวิตแล้วหลบหนี เนื่องจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งบริเวณจุดที่เกิดเหตุชำรุด บันทึกภาพไม่ได้ ขณะที่ญาติเรียกร้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เร่งปรับปรุงคุณภาพกล้องวงจรปิดให้มีประสิทธิภาพ ด้านพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ระบุกำลังเร่งดำเนินการตรวจเช็คภาพจากกล้องวงจรปิดกับท้องที่ใกล้เคียงที่รถพ่วงวิ่งผ่าน ก่อนเกิดเหตุชนคนเสียชีวิตแล้วหลบหนี


จากกรณีนางอรุณ ภูแข็ง ชาวบ้านขาม หมู่ 1 ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ แม่บ้านสนามกอล์ฟบึงอร่าม อ.ยางตลาด ถูกรถพ่วง 18 ล้อชนแล้วหนี และเสียชีวิตคาที่ เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถติดตามตัวคนขับรถพ่วงมาดำเนินคดี เนื่องจากขาดพยานหลักฐาน และกล้องวงจรปิดชำรุด ใช้การไม่ได้ ขณะที่นายตะวัน มิ่งขวัญ สามีนางอรุณ ได้พาลูกสาวจุดธูปบอกดวงวิญญาณแม่ เพื่อให้ตามล่าโชเฟอร์ 18 ล้อตีนผีมารับโทษ ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น


ล่าสุด เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ที่บ้านเลขที่ 200 หมู่ 1 บ้านขาม ต.คลองขาม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ นายสมบูรณ์ ภูแข็ง เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นพี่ชายนางอรุณผู้ตาย พร้อมด้วยนายตะวัน มิ่งขวัญ สามีนางอรุณ และ น.ส.รุ่งธิวา, น.ส.อรอุมา ลูกสาว ได้เดินทางเข้าตัว อ.ยางตลาด เพื่อหาเบาะแสโชเฟอร์รถพ่วงตีนผี ที่ขับฝ่าไฟแดงชนนางอรุณจนเสียชีวิตแล้วหลบหนี ทั้งนี้ นายตะวัน ได้เดินถือภาพถ่ายของนางอรุณไว้ตลอดเวลา บางครั้งกอดภาพแนบกับอก เพราะยังอยู่ในความโศกเศร้าอาลัย และยังทำใจไม่ได้ที่มัจจุราช 18 ล้อ มาพรากนางอรุณไปอย่างไม่มีวันกลับ ซึ่งเป็นภาพที่สร้างความหดหู่สะเทือนใจให้กับญาติและเพื่อนบ้านที่พบเห็นเป็นอย่างมาก


โดยนายตะวันพร้อมลูกสาวทั้ง 2 คนและนายสมบูรณ์ ได้เดินไปสอบถามหาเบาะแสรถพ่วงมรณะกับคนขับรถรับจ้าง คนขายพวงมาลัย และเจ้าของร้านค้าบริเวณใกล้เคียง 4 แยกไฟแดงยางตลาด ซึ่งเป็นจุดที่นางอรุณถูกรถพ่วง 18 ล้อพุ่งชน แต่ก็แทบจะไม่ได้ข้อมูลอะไร ต่างก็อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นเหตุการณ์ จากนั้นจึงเดินทางไปสอบถามความคืบหน้าการติดตามรถพ่วงและคนขับรถพ่วงที่หลบหนี จากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ สภ.ยางตลาด


นายตะวัน สามีนางอรุณกล่าวว่า จากการสอบถามหาเบาะแสหลายคน ที่บริเวณ 4 แยกไฟแดงแทบจะทำให้ตนสิ้นหวัง เพราะไม่มีใครกล้าเป็นพยานหรือแจ้งเบาะแสรถพ่วงคันนี้ได้เลย ส่วนที่เป็นคำตอบเดียวกันก็คือกล้องวงจรปิดชำรุดเสียหาย ไม่สามารถบันทึกภาพไว้ได้ ทำให้ตนรู้สึกเป็นกังวล ทุกข์ใจ หวั่นเกรงเหลือเกินว่านางอรุณจะตายฟรี โดยไม่มีใครออกมาแสดงความรับผิดชอบ ความรู้สึกตอนนี้จึงเหมือนหมดที่พึ่ง ความคับข้องหมองใจจุกอกจนจะพูดอะไรไม่ออก อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยางตลาด ว่าจะสามารถติดตามรถพ่วงและคนขับจนได้


ด้านนายสมบูรณ์ ภูแข็ง พี่ชายนางอรุณกล่าวว่า ช่วงเวลาเกิดเหตุเวลาประมาณ 09.59 น. เป็นช่วงเช้า ผู้คนแถวๆนี้น่าจะสังเกตเห็นรถพ่วงคันดังกล่าว ว่าวิ่งไปเส้นทางไหน เพราะไม่ใช่คันเล็กๆ ขับขี่ไปไหนก็มองเห็น ยากแก่การขับไปซุกซ่อนอำพราง แต่จากการสอบถาม ไม่มีใครบอกเบาะแสได้เลย จะไปพึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดที่จุดเกิดเหตุก็ไม่ได้ เพราะกล้องพังเสียหาย ดังนั้น ความหวังทั้งหมดทั้งมวลจึงอยู่ที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่จะไปสืบเสาะจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่รถพ่วงคันนั้นวิ่งผ่านในช่วงเวลาดังกล่าว


“อยากฝากถึงหน่วยงาน หรือผู้รับผิดชอบกล้องวงจรปิดจุด 4 แยกไฟแดงยางตลาด ให้เร่งทำการปรับปรุงแก้ไข ให้อยู่ในสภาพใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ว่ากล้องเสียแล้วยังเพิกเฉย ปล่อยปละละเลยอย่างนี้ พอเกิดเหตุทีก็ตามจับคนร้ายไม่ทัน เดือดร้อนครอบครัวผู้สูญเสียและชาวบ้าน ที่ต้องเดินสืบเสาะหาพยานหลักฐานเอง เหมือนกรณีนางอรุณถูกชนเสียชีวิต แต่คู่กรณีหลบหนีลอยนวล ก็แทบสิ้นหวังเพราะไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย อย่างไรก็ตามก็ต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยติดตาม เพื่อนำตัวคนก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเร็ว” นายสมบูรณ์กล่าว


ขณะที่ พ.ต.ต.วิชชุกร ภูตา สว.(สอบสวน) สภ.ยางตลาด เจ้าของคดีกล่าวว่า หลังจากเกิดอุบัติเหตุ รถพ่วง 18 ล้อ ชนนางอรุณ ภูแข็ง ชาวบ้านขาม ต.คลองขาม เสียชีวิต ที่บริเวณ 4 แยกไฟแดงยางตลาด ขณะจะขับจักรยานยนต์ไปซื้อกับข้าวนั้น ทางพนักงานสอบสวนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดยเร่งทำการสอบถามพยานและหาหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุใช้การไม่ได้ ทั้งนี้ได้ขอความร่วมมือผู้เห็นเหตุการณ์และพยานแวดล้อมช่วยแจ้งเบาะแส รวมทั้งประสานท้องที่ใกล้เคียง คือ อ.กันทรวิชัย และตามจุด 4 แยกไฟแดง รวมทั้งสถานที่ติดตั้งกล้องวงจรปิดของเอกชน ตามเส้นทางที่คาดว่ารถพ่วงคันดังกล่าววิ่งผ่านมาก่อนถึงจุดเกิดเหตุ เพื่อหาหลักฐานติดตามหารถพ่วงและคนขับดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

/ณัฐพงษ์ ประชากูล จ.กาฬสินธุ์

Related posts