ชลบุรี-ชาวบ้าน ต.เขาไม้แก้ว บางละมุงผวา สจ.คนดังสมุนนายทุนใหญ่ตั้งเวรยามเฝ้าระวังถูกรื้อถอนบ้าน

ชลบุรี-ชาวบ้าน ต.เขาไม้แก้ว บางละมุงผวา สจ.คนดังสมุนนายทุนใหญ่ตั้งเวรยามเฝ้าระวังถูกรื้อถอนบ้าน

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่า มีชาวบ้าน ม.1 บ้านหนองตาสน ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ได้นำป้ายไวนิลขนาดใหญ่ มาติดประกาศบริเวณรั้วบ้าน บริเวณหน้าบ้านแทบทุกหลังคาเรือนในพื้นที่ ม.1 ระยะทางยาวประมาณกว่า 1 กิโลเมตร ซึ่งมีชาวบ้านพักอาศัยจำนวนกว่า 300 หลังคาเรือน โดยเนื้อหาของป้ายมีเนื้อหาใจความ อาทิ ทุนชั่ว มหาชน รังแกชาวบ้าน สาปแช่งพวกชั่ว รังแกชาวบ้าน มูลค่าตอนนี้ไร่ละ 20 กว่าล้าน มาหลอกซื้อไร่ละไม่กี่บาท ราคาดีตอนมึงขาย ราคาถูก ตอนมึงซื้อ ไปหลอกที่อื่นไป นส.3 ก.ไม่เคยทำกิน เสียการครอบครอง มาตรา 1357 หมดอายุความฟ้อง ถึงมาไล่ข่มขู่พวกกู รวมทั้งมีป้ายคำเตือนในเรื่องการครองสิทธิที่ดิน ระบุมาตรา ต่าง ๆ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฯลฯ ติดอยู่ตามริมรั้ว บ้านบริเวณประตูหน้าบ้านเต็มพื้นที่ไปหมด


จากการสอบถามชาวบ้าน นางปารีณา นามสมมุติ ที่ติดป้ายไวนิลไว้บริเวณหน้าต่างบ้านดังกล่าว ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า สาเหตุที่ชาวบ้านในพื้นที่ม.1 บ้านหนองตาสน ต้องติดป้ายประกาศทั่วบริเวณหมู่บ้านเกิดจากทางทนายความได้แนะนำให้ชาวบ้านได้ติดป้ายแสดงการครอบครองพื้นที่ในแต่ละบ้านไว้ หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน 2564 ได้มีนายธนวัฒน์ วุฒิปัญญารัตนกุล อายุ 22 ปี อ้างว่าเป็นหัวหน้างานปรับปรุงพื้นที่ อ้างว่าได้รับมอบอำนาจจากบริษัทวีแอนด์พีแลนด์จำกัด โดยมีโฉนดที่ดิน เป็นนส.3 ก. ได้เข้ามาเคลียริ่งพื้นที่จำนวนหลายร้อยไร่ ในบริเวณดังกล่าว แต่ลูกน้องได้นำรถแบคโฮไปขุดแปลงเกษตร ที่ชาวบ้านได้ปลูกไว้ได้รับความเสียหาย ต่อมาชาวบ้านได้แจ้งความดำเนินคดี ที่ สภ.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จนในที่สุดมีการเจรจาชดใช้ค่าเสียหายกันจนจบเรื่องกันไป

หลังจากนั้นก็ได้มีบริษัทรับเหมาเข้ามาเคลียริ่งพื้นที่อีก อ้างว่าเป็นของ สจ.ชื่อดัง ได้นำเครื่องจักรกลหนัก รถแบ็คโฮ มาทำการเคลียริ่งแปลงเกษตร แปลงที่ดินในพื้นที่ ม.1 บ้านหนองตาสน จำนวนหลายแปลง จึงเกิดการกระทบกระทั่งกับชาวบ้านเพราะไม่ยินยอมให้มารื้อถอนบ้านรวมทั้งแปลงเกษตร ชาวบ้านที่ครอบครองที่ดินจึงได้รวมตัวกันไปขอให้ทนายความช่วยเหลือ โดยทางทนายความได้แนะนำให้ชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ติดประกาศแสดงความเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์และจัดเวรยามเฝ้าระวังไม่ให้บริษัทที่รับจ้างมารื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง บ้านพักอาศัยของชาวบ้าน รวมทั้งแปลงเกษตรที่ชาวบ้านได้ปลูกเอาไว้ โดยถ้ามีการนำเครื่องจักรกลหนักมารื้อถอน และเคลียริ่งพื้นที่ๆ ชาวบ้านได้แสดงสิทธิ์การครอบครองอยู่ก็ให้ไปแจ้งความให้ดำเนินคดีกับผู้ที่บุกรุกพื้นที่ทันที สำหรับพื้นที่มีการพิพาทกันอยู่ในส่วนของม.1 บ้านหนองตาสน มีเนื้อที่กว่า 700 ไร่ โดยขณะนี้คดีที่ชาวบ้านถูกนายทุนฟ้องร้องขับไล่ที่ดินนั้นยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคดีของศาลจังหวัดชลบุรี โดยชาวบ้านที่ถูกฟ้องขับไล่ได้ครอบครองที่ดินเกินกว่า 10 ปี บางรายอยู่มา 20-30 ปี


ทางด้าน “กำนันเชษ”นายธนัท ประทุมแดง อดีตกำนันต.บางละมุง จ.ชลบุรี เปิดเผยถึงเรื่องดังกล่าวว่า “ชาวบ้านเคยทำสัญญาเช่าที่ดิน สค.1 กับบริษัทไทวา เจ้าของที่ดินเดิมไว้ที่ อำเภอบางละมุง ต่อมาบริษัทโฮลดิ้งได้มาซื้อที่ดินแปลงนี้ต่อจากบริษัทไทวา เขาก็เอาที่ดินไปเข้าธนาคาร บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของที่ดินก็มีเอกสารเป็น สค.1 ตอนนั้น แต่ชาวบ้านเขาเอาสิทธิการครอบครองปรปักษ์มาต่อสู้ เพราะเจ้าของที่ดินก็ไม่ได้มาดู เรื่องมันซับซ้อน มีการเอาที่ดินไปขายสิทธิต่อๆกัน คนที่อื่นมาอยู่ก็เห็นว่าถูกก็เลยมาซื้อต่อเป็นทอด ๆ ก่อนหน้านี้เมื่อ 10 ปีก่อนเห็นว่าขายกันล็อกละ 4 แสน แต่ตอนนี้ราคามันแพงขึ้น เพราะมีถนนตัดผ่านไปอ.ปลวกแดง จ.ระยอง ได้ และทราบมาว่าบริษัทโฮลดิ้งก็เอาที่ดินไปขายต่อให้ โรจนะ ก็เลยไม่รู้ว่าบริษัทไหนเป็นคนไปจ้างบริษัทให้มารับเหมามารื้อถอนขับไล่ชาวบ้านและที่ดินของชาวบ้าน

“กำนันเชษ” กล่าวต่อไปอีกว่าตอนแรกตัวผมเองเป็นคนเจรจาเรื่องที่ดินแปลงนี้กับชาวบ้านเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน ตอนนั้นบริษัทโฮลดิ้งยังไม่ได้ขายให้โรจนะ ก็มีการเจรจากันให้ชาวบ้านมาซื้อกับบริษัทในราคาที่ไม่แพง และก็ออกเป็นโฉนดไป แต่บางคนเอา บางคนไม่เอา แต่ที่ดินของเค้า ๆ เอาไปเข้าธนาคารการที่ไม่มาดูที่ดินนั้นก็เป็นสิทธิของเขาก็ต้องไปว่ากันอีกทีหนึ่ง ส่วนเรื่องการฟ้องร้องขับไล่ชาวบ้านก็ว่ากันไป แต่การที่เอา สจ.หรือบริษัทรับเหมาอิทธิพลไปรถแบคโฮ ไปขุดไล่ที่ดินของชาวบ้านนั้นในทางกฎหมายมันทำไม่ได้ เพราะทราบข่าวมาว่ายังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

 

Related posts