วันนี้ 22 ต.ค.63 ได้มีนางกรชนก คล่องแคล่ว – พลทหาร พรพิพัฒน์ พ่งเฟี้ยม อายุ21 ปี บุตรชาย ทหารสังกัดมณฑลทหารบกที่ 31 ค่ายจิรประวัตินครสวรรค์ อยู่บ้านเลขที่ 334 หมู่ 2 ต.เก้าเลี้ยว อ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ ได้ขอเข้าพบกับ นายรัฐพล ธุระพันธุ์ นอภ.เก้าเลี้ยว จ.นครสวรรค์ เพื่้อขอขอบคุณที่ นอภ.เป็นผู้สร้างชีวิตใหม่ให้แก่ครอบครัว ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อประมาณ 7-8 เดือน ที่ผ่านมา มีนางกรชนก คล่องแคล่ว กับนายพรพิพัฒน์บุตรชายขอเข้าพบนายอำเภอด้วยท่าทางที่โกรธกริ้ว เอาจริงเอาจัง ผู้เป็นแม่แต่งกายแบบบ้านนอก(มอซอนิดหน่อย)ผูกด้วยผ้ากันเปื้อนบ่งบอกว่าเป็นแม่ค้าขายของตลาด ลูกชายกางเกงขาสั้นแบบสามส่วน รองเท้าแตะ ลักษณะภาพรวมไม่ต่างจากแม่มากนัก สอบถามได้ความว่าจะมาร้องเรียนกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ที่ปฏิเสธ กีดกัน ไม่ให้ครอบครัวตนเองและครอบครัวอื่นที่ยากจนกู้ยืมเงินของกองทุนหมู่บ้าน แกพยายามพูดตลอดเวลาว่า “หนูผิดอะไรที่เกิดมาจน แต่ก็พยายามดิ้นรนต่อสู้ชีวิตมาตลอด” ผมได้พยายามพูดคุยให้ใจเย็นและปลอบใจในโชคชะตาชีวิต เห็นอกเห็นใจ จึงรับฟังแล้วพยายามสอบถามพูดคุยไปเรื่องอื่นๆบ้าง ก็ทราบว่าลูกชายอายุจะย่าง 21 ปีนี้ซึ่งจะครบการเข้าเกณฑ์ทหารในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าของปีนี้ และเรียนจบปริญญาตรีสาขาทางรัฐประศาสนศาตร์ แล้ว ผมจึงเสนอแนะให้ว่าสมัครเป็นทหารเลยไหม ในนามคนของนายอำเภอ สังเกตเขาสองคนแม่ลูกรู้สึกว่าปลื้มขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำว่า “คนของนายอำเภอ” ผมจึงให้หน้าห้องไปเชิญท่านสัสดีอำเภอมาพบแล้วบอกท่านสัสดีว่า น้องหนุ่มคนนี้จะสมัครทหารที่จะเข้าเกณฑ์ในปีนี้
ขอให้ท่านสัสดีให้คำแนะนำ ถึงวิธีการสมัคร เอกสารที่เกี่ยวข้อง และสวัสดิการที่ได้จะรับ เอาใจใส่เขาให้ผมด้วย ผมเห็นแม่เขาปลื้มใจก็เลยบอกเขาต่อว่า เป็นทหารรับใช้ชาติ ได้ประสบการณ์และสิ่งดีๆมากมาย กว่าที่เราคิด และที่สำคัญเราได้สร้างความภาคภูมิใจให้กับพ่อกับแม่กับครอบครัวและน้องๆและวงค์ตระกูลด้วย ที่มีงานทำเข้าสู่วงราชการแล้วค่อยเป็นบันไดไต่ขึ้นไปในความก้าวหน้าตามลำดับ คนอื่นที่คิดว่าจะรังแกเรา จะรังแกครอบครัวเราเหมือนที่รู้สึกว่าตัวเองโดนตอนนี้ ก็จะไม่เกิดอีกแล้ว เพราะเขาจะต้องเกรงใจเราบ้าง ที่สุดเขาจึงลาผมกลับไปพร้อมท่านสัสดี จากวันนั้นเขาไม่มาพบผมอีกเลย ไม่มาตามเรื่องร้องเรียนแต่อย่างใด วันนี้เขาได้เป็นทหารแล้ว ซึ่งถ้าไม่ได้มาเจอผมวันนั้นคงไม่มีวันนี้ “วันที่คิดว่าจะมาร้องเรียนคนอื่น กลับมาพบโชคชะตาที่ดีกว่าเดิม” เหมือนกับคำว่าความบังเอิญไม่มีในโลก ทุกอย่างล้วนถูกสร้างและกำหนดมาแล้ว วันนี้ทั้งแม่และลูกมาขอบคุณผมอีกครั้งพร้อมชุดเครื่องแบบทหาร และการแต่งตัวของแม่ดูดีขึ้นมากๆ จึงอยากสรุปเพียงว่า”การเป็นนักปกครองจะต้องมีจิตวิทยาที่มากพอสมควร เพราะใช้ได้ผลในทุกสถานการณ์ที่จำเป็นในการเกี่ยวข้องกับผู้คน ต้องรู้จักทุกข์ไปกับเขา สุขไปกับเขา หาทางช่วยเขาในเรื่องใดๆที่มันดีขึ้น ตามคำของท่านอธิบดีกรมการปกครอง(นายธนาคม จงจริระ) ที่ว่า”นักปกครองต้องทำให้ประชาชนทุกข์น้อยลง สุขมากขึ้น”แล้วคนอื่นๆก็สรรเสริญ ศรัทธาในตัวเรา เพราะว่าเราทำดี เป็นคนดี ดั่งคำพูดที่ว่า “คนดี ไม่มีวันตาย” ……………
( ดนัย ตาคลี)