ข่าวสังคมประจำวันเสาร์ที่ 5 กันยายน 2563 สินในน้ำ เข้าเวรรายงานครับ …………..มีข้อมูล จากกรณีที่ทาง นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ได้นำแถลงชี้แจง กรณีมีนักโทษติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเป็นนักโทษใหม่ เข้ามาในทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง เมื่อวันที่ 26 ส.ค ที่ผ่านมา ก่อนที่จะตรวจพบว่ามีการติดเชื้อโคโรนาไวรัส 2019 และยอมรับว่า ถือเป็นการติดเชื้อในประเทศรายแรก หลังจากที่ไม่มีการติดเชื้อภายในประเทศมานานกว่า 100 วัน …………..ได้มีการขอความร่วมมือให้พี่น้องประชาชนตระหนักได้ แต่อย่าตื่นตระหนก และให้ปฏิบัติตามมาตร การของทางสาธารณสุข พร้อมได้เผยไทม์ไลน์ผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ว่าเป็นผู้ป่วยที่อยู่ในระหว่างกักกัน ในทัณฑสถานพิเศษกลาง ก่อนจะมีการย้ายไปแดนต่างๆ หลังจากครบ 14 วัน ซึ่งอาการไม่ชัด มีเสมหะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา ……. ……หลังจากที่ได้รับรายงาน มีการตรวจสอบยืนยันในห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง ผลเป็นบวก จากการสอบสวนย้อนไป 14 วัน พบประวัติผู้ติดเชื้อ อาศัยอยู่กับครอบครัวที่คอนโดบ้านสวนธน พุทธบูชา บางมด กับครอบครัว 5 คน พร้อมทำการแยกกักตัวต่อไป และยังมีผู้ที่สัมผัสเสี่ยงอีก 2 คน เป็นญาติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเดินทางไปต่างจังหวัด ซึ่งเป็นจังหวัดในเขตปริมณฑล คาดว่าวันนี้จะสามารถติดต่อได้ .…………..สำหรับผู้ป่วยทำอาชีพเป็นดีเจอยู่ที่ร้าน 3 วัน 2 คืน ในสาขาพระราม 3 และพระราม 5 ตามอาชีพอาจจะไม่ได้สัมผัสกับผู้อื่น และถ้าคนในร้านสวมหน้ากาก หรือไม่ได้สัมผัสกับผู้ป่วย ก็จะไม่ถือว่าเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง และยังทำงานอยู่ที่คาเฟ่ย่านถนนข้าวสารอีกแห่งหนึ่ง.……………และเมื่อที่ผู้ต้องขังเดินทางไปขึ้นศาล มีทนายความ เจ้าหน้าที่เรือนจำ นักโทษร่วมตัดสินคดี นักโทษที่อยู่บนรถอีก 20 คน ซึ่งจะได้แยกกักตัวต่อไป อีกทั้งได้มีการแยกกักตัวผู้ต้องขังแรกรับอีก 34 คน ที่อยู่ในห้องเดียวกันกับผู้ต้องขัง และอาสาสมัคร จากการตรวจเชื้อในวันเดียวกันกับผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ยังไม่พบการติดเชื้อ.……………นี่คือข้อมูลล่าสุด ที่พี่น้องต่างหวั่นไหวเพราะว่ากว่า 100 วันมาแล้ว ประเทศไทยเราอยู่รอดปลอดภัยจากผู้ติดเชื้อ แต่ไม่รู้ว่าจู่ๆมาโผล่ที่กรุงเทพฯ เป็นนักโทษ เป็นดีเจ ซึ่งล้วนแต่น่าเป็นห่วงทั้งสิ้น และยังไม่ทราบว่า ผู้ป่วยได้ไปสัมผัสกับใครมาบ้าง ซึ่งผมเชื่อว่า ผู้ป่วยเองก็คงไม่ทราบเหมือนกันว่า ได้สัมผัสกับใครมาบ้าง เพราะว่ามันต้องมีมากอย่างแน่นอน ……………อย่าให้เหมือนกับสหภาพเมียนมาที่มีการติดเชื้อรอบสองชนิดที่ รุนแรงกว่ารอบแรก จึงทำให้ทางการเมียนมา สั่งปิดด่านที่แม่สาย ชนิดที่คนในห้ามออก คนนอกห้ามเข้าอย่างเด็ดขาด แต่ว่าก็ยังมีแรงงานต่างด้าวจากเมียนมา แอบหลบหนีเข้ามายังบ้านเราไม่เว้นแต่ละวัน ทางเจ้าหน้าที่ต้องทำงานหนัก มีการจัดเวรยามตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเฝ้าดู และผมว่าอย่าได้ประมาทเด็ดขาด เพราะเกิดแรงงานต่างด้าวหลุดเข้ามาได้ แถมติดเชื้อมาอีกต่างหาก อันนี้ผมว่าน่าห่วง……………ถือเป็นเยาวชนตัวอย่างที่ดีของสังคมไทย สำหรับน้องบูม กัซซัน เริงโพธิ์ แม้ว่าครอบครัวจะมีพร้อมทุกอย่าง แต่ว่า น้องบูมไม่เคยขออะไรจากพ่อ-แม่เลย ขนาดที่ช่วงไปเรียนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ พ่อ-แม่ส่งมาให้เป็นค่าใช้จ่าย น้องบูม ยังใช้จ่ายอย่างประหยัดมัดทะยัด ตลอดระยะเวลาเรียน และไม่เคยเอาเงินของพ่อ-แม่ไปเที่ยวเตร่ มีแต่หมั่นเพียรศึกษา จนจบปริญญาตรี และยังได้คะแนนในระดับเกียรติยมอันดับหนึ่ง …………..ผมว่าน้อยคนนักที่จะปฏิบัติตัวอย่างนี้ ยิ่งถ้าพ่อ-แม่มีตังค์ มีแต่ขอซื้อนั้นซื้อนี้ เที่ยวเตร่สนุกสนาน แต่สำหรับเยาวคนเก่งที่ชื่อ กัซซัน เริงโพธิ์ เขาปฏิบัติตัวที่ต้องเอาแบบอย่าง แม้จะรู้ว่า พ่อ-แม่พอมีฐานะ แต่เขาไม่เคยขออะไรจากพ่อ-แม่เลย และเมื่อวันที่ 3 ก.ย ที่ผ่านมา คุณพ่อประวิทย์ เริงโพธิ์ และคุณแม่ฟ้ากัซซัน พรหมพร เอี่ยมจิตเมตตา นายใหญ่แห่งสนามกอล์ฟในเครือกัซซัน จึงได้จัดงานทำบุญและปารตี้ให้กับน้องบูม โดยมีผู้หลักผู้ใหญ่ไปร่วมงานกันคับคั่ง และภายในงานปารตี้ คุณพ่อ-คุณแม่ได้มอบของขวัญให้กับน้องบูมด้วย รถเบนซ์ ป้ายแดง ถือว่าเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงละครับ
……………ออกเวรก่อนนะครับ …………..สินในน้ำ
